5 วิธีรักษาหน้าจอสมาร์ทโฟนง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้

          ทุกวันนี้สมาร์ทโฟน (smartphone) เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเราเยอะมาก หลายคนลงทุนซื้อโทรศัพท์มือถือราคาสูง เพื่อต้องการได้มือถือที่มีฟังก์คุ้มค่าที่สุด เมื่อเราซื้อมาแล้วการเลือกดูแลรักษามือถือให้อยู่กับเราไปนานๆ โดยเฉพาะหน้าจอนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ  วันนี้เรามี 5 วิธีรักษาหน้าจอโทรศัพท์ให้อยู่กับเราไปนานๆ มาฝากค่ะ

1. สิ่งที่ขาดไม่ได้อันดับแรกคือ การติดฟิล์มกันรอยสำหรับโทรศัพท์มือถือนั่นเองค่ะ เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน และช่วยกันการกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุมือถือตกหล่นได้ค่ะ

 2. ควรหลีกเลี่ยงการทำตกพื้น เพื่อไม่ให้มือถือกระแทก เพราะจะมีผลกระทบกับหน้าจอโดยตรง ทำให้เกิดการแตกและร้าวได้

3. หลีกเลี่ยงการนำ smartphone ไว้บริเวณที่มีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะว่าจะทำให้หน้าจอจะปรับสภาพไม่ทัน จนทำให้เกิดรอยร้าว หรือแตกได้  

4. ควรเลือกใช้น้ำยาสำหรับทำความสะอาดหน้าจอสมาร์ทโฟน ไม่ควรใช้น้ำยาประเภทอื่น เพราะน้ำยาบางประเภทจะทำให้หน้าจอเสื่อมสภาพเร็วขึ้นหรือเกิดรอยด่างที่หน้าจอได้นั่นเองค่ะ

5. หากหน้าจอสมาร์ทโฟน โดนน้ำควรรีบนำผ้าซับน้ำเบาๆ ไม่ควรถูแรงๆ เพราะจะทำให้หน้าจอเป็นรอยขีดข่วนได้ 

        นี้เป็นเพียงเกร็ดเล็กๆน้อยๆที่เรานำมาฝากกันเท่านั้นนะคะ อย่ามัวแต่ใช้จนไม่รักษาคุณค่าของมันนะคะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.samsung.com/th/smartphones/

                            http://www.samsung.com/th

9 ข้อ ควรรู้ ดูสเปคมือถือ สมาร์ทโฟน ยังไงไม่ให้พลาด

        มีหลายคนและเชื่อว่าส่วนใหญ่ ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้ออะไรก็แล้วแต่ ทั้ง มือถือ สมาร์ทโฟน เอย แอร์ ทีวี หรือเครื่องใช้ต่างๆ น่าจะเคยตามเช็คสเปค ตามดูรีวีวของเหล่านี้กันแน่นอนใช่ไหมคะ ตามดูว่าตรงกับที่เราต้องการไหม คนที่เคยใช้แล้วเขาว่าอย่างไรบ้าง ยิ่งมีหลายๆค่าย หลายยี่ห้อโผล่มาให้เลือกสรรกันไม่ไหว ทั้ง ซัมซุง apple โซนี่ LG  และมือถือก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เราเชื่อว่าทุกคนต้องตามดูตามเช็คแน่นอน วันนี้เลยจะพาทุกคนไปดูว่าการดูสเปคของเจ้าสิ่งนี้ ควรดูกันยังไงบ้าง เพื่อกันพลาดสำหรับมือใหม่ และคนที่สนใจกัน

1.ถามตัวเองก่อนว่าจะซื้อมือถือเพื่อใช้ทำอะไรบ้าง?

เช่นเน้นใช้งานทำงาน + เล่นเกม + ถ่าย Selfie ด้วย ก็ต้องเลือกเครื่องที่หน่วยความจำเยอะหน่อย ซีพียูที่รองรับชิพกราฟฟิคดีๆ เครื่องที่ทำงานไว และกล้องหน้าที่รองรับสำหรับการถ่าย Selfie ได้สวย รวมถึงแบตเตอรี่มือถือที่ความจุไฟเยอะใช้ได้นานอย่างมากต้องทั้งวัน เป็นต้น

2.รองรับ 4G หรือไม่?

ถ้าหากคุณต้องการใช้บริการ 4G ให้ทันสมัยในยุค 4G แบบนี้ ไหนๆก็ซื้อแล้วทั้งที ก็น่าจะให้รองรับ 4G ได้ไปเลยน่าจะคุ้มกว่า หากเป็นเช่นนั้นก็จำเป็นที่จะต้องเลือกโทรศัพท์ที่รองรับ 4G ด้วย ไม่เช่นนั้น ก็ไม่สามารถใช้ 4G ได้ถึงแม้ในบริเวณนั้นๆจะมีบริการ 4G ก็ตาม ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อมือถือหากต้องการใช้งาน 4G ได้

3.ระบบปฏิบัติการ

ระบบปฏิบัติการยอดนิยมสุดในขณะนี้ก็คือ Android (มีหลายแบรนด์) และ iOS (ของ Apple) ก็ถามตัวเองว่า ต้องการใช้ระบบปฏิบัติการใด

4.ROM กับ RAM และหน่วยความจำ

ROM (Read-Only Memory ) หน่วยความจำถาวรของโทรศัพท์ที่ให้มาบนเครื่อง ซึ่งความจริงแล้วน่าจะเรียกว่า Internal Storage มากกว่า ซึ่งก็คือหน่วยความจำภายในเครื่องนั่นเอง ปัจจุบันมีให้เลือกตั้งแต่ 8GB , 16GB , 32GB , 64GB และ 128GB

RAM (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจำชั่วคราวของโทรศัพท์ รับ-ส่ง และเป็นที่พักข้อมูล ระหว่างการใช้งานยิ่ง RAM เยอะ การทำงานยิ่งเร็วขึ้น ถ้า RAM น้อยอาจทำงานช้าลง

5.CPU (Central Processing Unit)

คือ หน่วยประมวลผลกลาง เหมือนสมองของโทรศัพท์มือถือ ตัวเลขความเร็วซีพียูยิ่งสูงยิ่งทำงานได้เร็วขึ้นด้วย

6.ซิมการ์ด

ดูด้วยว่าเครื่องคุณรองรับกับซิมการ์ด 3G , 4G และเครือข่าย 3G ,4G  มั้ย และต้องทราบด้วยว่าเครื่องของคุณรองรับใส่ซิมการ์ดชนิดไหนเช่น Micro Sim และ Nano Sim เป็นต้น สำหรับการเลือกซื้อมือถือที่รองรับ 4G

7.กล้อง

ดูความละเอียดกล้องหน้า/กล้องหลัง ว่ากี่ล้านพิกเซล ส่วนใหญ่จะนิยมตั้งแต่ 8 ล้านพิกเซลสำหรับกล้องหลัง และกล้องหน้าสัก 5 ล้านพิกเซล นอกเหนือนี้ยังต้องดูเทคโนโลยีอื่นในกล้องมือถืออย่างเช่น OIS สามารถป้องกันภาพไหว กรณีถ่ายสั่นไหวได้ด้วย รวมถึงโหมดวีดีโอว่าสามารถถ่ายความละเอียด 4K หรือ 60 Fps ได้หรือเปล่า

8.แบตเตอรี่

ยิ่งมีความจุสูง mAh มากเช่น 3000 mAh จะสามารถใช้สมาร์ทโฟนได้ทั้งวัน แต่อาจใช้เวลาชาร์จไฟนานขึ้นดังนั้นหากมีความจุสูงๆอาจต้องพิจารณาดูว่ามีเทคโนโลยี fast charging มีมั้ยซึ่งจะช่วยลดเวลาการชาร์จแสนนานได้

9.ดีไซน์สวยจับถนัด

การออกแบบดีไซต์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมีผลกับบุคลิกของเราและการใช้งานมือถือของเราด้วย ดังนั้นเลือกเครื่องที่ออกแบบแล้วเข้ากับมือเราและการใช้งานของเราให้ดีที่สุด โดยเฉพาะ ขนาดของหน้าจอมือถือด้วย

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก it24hrs.com

มาดูการวิเคราะห์!! การใช้โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตของคนไทย

        หลายๆครั้งที่เรามักจะมองไปรอบๆตัว จะเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่ตั้งใจและจดจ่อกับการใช้โทรศัพท์มือถือ เป็นอย่างมาก มากซะจนบางครั้งอาจเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุอื่นๆตามมา แล้วคุณเคยสงสัยกันไหมคะว่าใน มือถือ ของพวกเขาเหล่านั้นมีอะไรซ่อนอยู่ พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ วันนี้เราจะพามาเปิดพฤติกรรมการใช้พวก Social Mediaและอินเทอร์เน็ต ให้คุณได้รู้กันค่ะ

ผลสำรวจพบว่า คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 6.4 ชั่วโมงต่อวัน (หรือ 45 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) ลดลงจากปีที่แล้ว 6.9 ชั่วโมงต่อวัน เพราะอินเทอร์เน็ตเข้าถึงกลุ่มคนมากกว่าเดิม การสำรวจจึงกว้างกว่าเดิม ทั้งด้านการครอบคลุมพื้นที่ และระดับอายุทั้งเด็กและคนสูงอายุ ทำให้ตัวเลขชั่วโมงการใช้ดูลดลง

แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือ การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนประมาณ 85.5% ของประชากร เฉลี่ย 6.2 ชั่วโมงต่ววัน จากปีที่แล้ว อยู่ที่ 82.1% เฉลี่ย 5.7 ชั่วโมงต่อวัน แสดงว่า มีการใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น และมีจำนวนผู้ใช้มากขึ้นด้วย แสดงถึงการขยายของโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ และการเข้าถึงที่มากขึ้น

ส่วนที่น่าสนใจคือ กลุ่มเพศที่ 3 มีการใช้อินเทอร์เน็ตสูงที่สุดต่อสัปดาห์ และกลุ่ม Gen B คือ กลุ่มที่มีการใช้งาน Social Network สูงมาก แบรนด์ต่างๆ สามารถนำไปปรับใช้เพื่อให้สอดคล้องกับสินค้าและบริการที่จะออกสู่ตลาด

ช่วงเวลาทำงาน (Working Hours) คนใช้อินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์ 64.5% มากกว่าสมาร์ทโฟน เนื่องจากยังมีงานส่วนมากทั้งราชการและเอกชนที่ทำผ่านคอมพิวเตอร์ทั้ง PC และ Notebook ส่วนช่วงเวลาหลังเลิกงานถึงก่อนนอนเปลี่ยนไปใช้ สมาร์ทโฟน แทน 68.4% ถือเป็นพฤติกรรมปกติไปแล้ว และให้จับตาดู Smart TV ซึ่งกำลังมีการใช้งานมากขึ้น

กิจกรรม 5 อันดับแรกของการใช้อินเทอร์เน็ต อันดับ 1 Social Network 96.1% อันดับ 2 Youtube 88.1% และอันดับ 3 Search 7% ขณะที่การใช้งานเพื่อการซื้อขาย Shopping มีสัดส่วนอยู่ที่ 59% และใช้เพื่อขายของออนไลน์ 33.8% กล่าวได้ว่า บริการจาก Google คือ Youtube และ Search ซึ่งประเทศไทยใช้ Google Search เป็นหลัก ครองอันดับการใช้งานสูงสุด

หากเปรียบเทียบแล้วสื่อออนไลน์ที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุด อันดับแรกคือ Youtube 97.3% ตามมาด้วย Facebook 94.8% และ LINE 94.6% โดยกลุ่ม Gen Y และ Z นิยมใช้ Youtube มากที่สุด ตรงกับลักษณะนิสัยที่มีการสร้างและบริโภคคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วน LINE เป็นบริการที่กลุ่ม Gen B และ X นิยมมากที่สุด เพราะใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเพื่อน

ส่วนด้านความถี่ในการใช้งาน (เปิดใช้บ่อย) มีการสลับลำดับกัน Facebook มาเป็นอันดับ 1 ที่ 84.2% ตามด้วยLINE 82% และ Youtube 76.9% ส่วนนี้แบรนด์ต่างๆ ต้องให้ความสนใจ เพราะ Facebook คือสื่อที่คนไทยเปิดใช้งานบ่อย จะสามารถสื่อสารกับผู้ใช้ได้อย่างไร

        นี้หละค่ะคือพฤติกรรมที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะทำและสนใจกับมันมากเกินไป จนบางครั้งเราอาจจะหลงลืมคนที่อยู่ด้วย นั่งด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ก็ได้นะคะ หันมองคนข้างๆซักนิดแล้วคุณจะรู้ว่า สิ่งดีๆไม่มีแค่ในมือถือนะคะ

ขอบคุณข่อมูลดีๆจาก ETDA และ brandinside.asia

แอพพลิเคชั่น มือถือ เหล่านี้นี้หละที่ทำให้ชีวิตคุณสะดวกยิ่งขึ้น

        เมื่อเอ่ยถึง โทรศัพท์มือถือต่างๆ ทุกคนคงนึกถึงการใช้งานพื้นฐานทั่วๆไป อย่าง โทรเข้า โทรออก เล่มเกมส์ เล่นโซเซียลทั่วๆไป หรือในปัจจุบันที่ทุกคนหันมาใช้สมาร์ทโฟนที่รองรับทุกแอพพลิเคชั่นแล้ว เรามาลองดูแอพพลิเคชั่นเหล่านี้กันไหมคะ ดูว่าสิ่งเหล่านี้อาจทำให้คุณได้ประโยชน์จากการเล่นมือถือมากกว่าที่คุณคิดก็ได้นะคะ

1.ถ่ายรูปเอกสารแล้วทำเป็น PDF โดยไม่ต้องง้อเครื่องสแกน! – คุณผู้อ่านเคยเจอสถานการณ์นี้กันมั้ย เวลาที่จำเป็นต้องส่งเอกสารประกอบการทำงานหรือการเดินเรื่องอะไรสักอย่าง แล้วมันต้องส่งไฟล์แนบเพื่อเป็นหลักฐาน แล้วบางจังหวะเราก็ดันอยู่นอกออฟฟิศแต่ต้องทำทันที ครั้นจะส่งเป็นไฟล์รูปก็ดูไม่ค่อยจะเหมาะ ปัญหานี้แก้ได้ง่ายๆ เลยครับ ลองหาแอปพลิเคชันประเภทถ่ายรูปแล้วทำเป็น PDF ได้มาใช้ดูสิ อย่างเช่น Genius Scan

2.ลืมหยิบ Thumb drive มา ขอดึงไฟล์เข้ามือถือเลยละกัน – แน่นอนว่าในการทำงานยุคปัจจุบัน เราจำเป็นต้องมีการพกพาไฟล์ข้อมูล รูปภาพ หรือแม้แต่คลิปเสียงหรือวิดีโอติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเพื่อให้เกิดความสะดวก แต่มันก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ถ้าบางครั้งเราจำเป็นต้องคัดลอก (Copy) ไฟล์ต่างๆ จากเพื่อนหรือคนที่ติดต่อด้วยอย่างกะทันหัน แล้วในบางครั้งเราก็อาจจะไม่มี Thumb drive อยู่ในมือ แต่ไม่ต้องกังวลไปเลย เพียงแค่คุณมีสายชาร์จโทรศัพท์ คุณเพียงแค่ดึงหัวของสายชาร์จออก แล้วต่อโทรศัพท์เข้ากับคอมพิวเตอร์ คุณก็สามารถคัดลอกไฟล์ที่ต้องการลงมาบนโทรศัพท์ได้ทันทีประหนึ่งคุณใช้ Thumb drive ทั่วๆ ไปนั่นเอง

3.มาจัดการกับค่าใช้จ่ายประจำวันให้มีประสิทธิภาพกันดีกว่า – การบริการเงินด้วยการจดบันทึกว่าเราจ่ายอะไรไปบ้าง จะช่วยให้เราสามารถวางแผนบริหารเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ทำให้เรารู้สภาพความเป็นจริงว่าค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หมดไปกับอะไร เพื่อที่เราจะสามารถหาทางวางแผนลดค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม และแน่นอนว่าการบันทึกรายการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งการจดบนกระดาษอีกต่อไป เพียงแค่หาแอปพลิเคชันดีๆ เช่น Expense Manager มาช่วย เราก็จะสามารถบันทึกค่าใช้จ่ายได้ทันทีบนโทรศัพท์ของเรา และสามารถติดตามดูสถิติต่างๆ ของตัวเองได้อย่างสะดวกสบาย

4.จะพกไม้บรรทัดทำไม ถ้าโทรศัพท์มือถือเราก็วัดได้ – แน่นอนเช่นกันว่ามันต้องมีบางครั้งที่เราต้องทำการวัดระยะเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งคงจะมีน้อยคนมากๆ ที่จะพกไม้บรรทัดติดตัวไว้ ดังนั้นแทนที่จะหันมาพกไม้บรรทัดกัน เรามาติดตั้งแอปพลิเคชันช่วยวัดระยะกันดีกว่านะครับ เผื่อมีเหตุการณ์เร่งด่วนมา จะได้รับมือได้ทันท่วงที ตัวอย่างแอพแอนดรอย์ที่น่าสนใจ แอพพลิเคชันประเภทนี้ก็ได้แก่ Smart Ruler

5.ใช่ว่าจะวัดได้แต่ระยะสั้นๆ ความสูงตึกนับ 10 ชั้นก็ยังวัดได้! – บางครั้งเราก็อาจจะอยากทดลองกะระยะของความสูงตึกหรือความสูงต้นไม้ดูบ้าง แต่การจะไปวัดอย่างเป็นจริงเป็นจังก็คงจะยากเกินไป เราลองมาใช้ตัวช่วยในการวัดความสูงเพื่อให้คาดคะเนได้อย่างคร่าวๆ กันดูดีกว่าครับ ลองค้นหาแอปพลิเคชันชื่อ Smart Measure กันดูนะครับ ถึงแม้มันจะไม่ได้ตัวเลขที่ตรง 100% แต่ในบางครั้งมันก็เพียงพอสำหรับการนำมาใช้คาดคะเนอะไรง่ายๆ ได้ค่อนข้างดีเลยครับ ซึ่งจากตัวอย่างการวัดความสูงบานประตูข้างล่าง พบว่าได้ความสูง 2.0 เมตรตรงตามขนาดจริงเลยทีเดียว

        ลองไปโหลดแอพเหล่านี้มาใช้ในมือถือกันดูนะคะ แอพที่ทำให้ชีวิตการทำงานหรือติดต่อสื่อสารง่านและสะดวกยิ่งขึ้นแน่นอนค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก samsumg

ใช้ มือถือ สมาร์ทโฟน ยังไง?? ให้ชีวิตประจำวันของคุณมีประสิทธิภาพขึ้น

     ถ้าเราจะเอ่ยถึง มือถือ สมาร์ทโฟน ต่างๆ หลายๆคนคงจะนึกถึง อุปกรณ์ที่ใช้ในการโทรเข้า-โทรออก เล่นอินเตอร์เน็ต เล่มเกมส์ หลายๆสิ่งที่ทุกคนทำคงคุ้มค่ากับราคาที่เสียไปใช่ไหมหละคะ แต่นอกจากกิจกรรมที่เอ่ยมาแล้ว ยังมีสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในชีวิตประจำวันของคุณด้วย มือถือ สมาร์ทโฟน

1.ยืดการใช้งานแบตเตอรี่มือถือให้เพียงพอในแต่ละวัน

เคล็ดลับมือถือง่ายๆ ที่หลายคนมักจะมองข้ามไปก็คือ การปิดบริการที่เราไม่ได้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชัน หรือสัญญาณไร้สายต่างๆ อย่าง Wi-Fi Bluetooth หรือ GPS เพราะในระหว่างที่เราไม่ได้ใช้งาน แต่เปิดบริการเหล่านี้ทิ้งไว้ ก็จะทำให้เสียพลังงานโดยใช่เหตุ

2.ใช้คอนเทนต์ร่วมกันในแอปฯ ที่ต่างกัน สะดวกรวดเร็วขึ้น

หนึ่งในความสามารถของ การใช้ สมาร์ทโฟน ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบแอนดรอยด์ ก็คือเรื่องของ Muititasking หรือการทำงานของแอพพลิเคชันได้พร้อมกันหลายๆ ตัว และถ้าคุณสามารถนำเอาคอนเทนต์ อย่างข้อความ รูปภาพ จากแอพพลิเคชันหนึ่ง ไปใช้ในอีกแอพพลิเคชั่นหนึ่งได้ เช่นนำข้อความจากเว็บไซต์ที่เราเข้าไปอ่าน ไปส่งให้กับเพื่อนๆ ผ่านทางโปรแกรมแชท

3.การใช้ Smart Phone หาของในที่มืด

ในโทรศัพท์มือถือหลายรุ่นที่มีไฟช่วยส่องสว่างเวลาถ่ายภาพ นั้นมักจะมีอีกหนึ่งประโยชน์ที่บางคนอาจจะไม่เคยรู้ นั่นคือ สามารถเปิดใช้งานเป็นไฟฉายสำหรับส่องในที่มืดได้นั่นเอง

4.เคล็ดลับมือถือในการสร้างระบบเสียงให้กับลำโพงโทรศัพท์ด้วยแก้วน้ำ

เพียงแค่นำโทรศัพท์ของคุณใส่ลงไปในแก้วน้ำ (ที่ไม่มีน้ำนะครับ) เมื่อเปิดเพลงจากลำโพงของตัวเครื่อง ก็จะทำให้เกิดการขยายเสียงให้ดังขึ้น เหมือนกับติดตั้ง Amplifier ให้กับสมาร์ทโฟนของคุณเลยล่ะค่ะ

5.การใช้ Smart Phone ส่งภาพถ่ายผ่านสัญญาณไร้สายโดยตรง ได้คุณภาพดีกว่า

หลายๆ ครั้งที่ถ่ายภาพคู่ ภาพหมู่ระหว่างเพื่อนๆ ด้วยโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว เราก็มักจะได้ยินวลีฮิตอย่าง "ส่ง Line มาให้ด้วยนะ" (หรืออาจจะเป็นแอพฯ แชทตัวอื่นๆ) แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าภาพที่ส่งผ่านแอพฯ เหล่านั้น จะทำให้คุณภาพของภาพถ่าย และขนาดถูกลดทอนคุณภาพลง นั่นก็เพราะบรรดาผู้ให้บริการแอพฯ เหล่านั้น ต้องให้บริการคนจำนวนมาก และด้วย Bandwidth ที่จำกัด พวกเขาจึงต้องทำการลดขนาดรูปถ่ายของคุณก่อนจะส่งต่อไปยังปลายทาง ดังนั้นถ้าอยากได้ภาพความละเอียดแบบต้นฉบับ ก็สามารถส่งผ่าน Bluetooth

     นี้เป็นเพียงเคล็ดลับ หรือเทคนิคดีๆที่อยากลองให้ทุกคนนำไปใช้ดู เพราะนอกจากการใช้งานพื้นฐานแล้ว สิ่งที่เราได้บอกไปอาจจะเกิดประโยชน์กับคุณก็ได้ค่ะ ราคามือถือที่ทุกคนซื้อมาต้องคุ้มค่าแน่นอนค่ะ

เทคนิคดีมีมาบอกต่อ!! กับการเลือกซื้อมือถือยังไงไม่ให้ช้ำใจ

     ทุกๆครั้งที่เรามองหามือถือดีๆซักเครื่อง สิ่งแรกที่เรานึกถึงคือ ยี่ห้อหรือรุ่นที่เราหมายตาเอาไว้แล้วใช่หรือไม่?? ถ้าคำตอบของคุณคือใช่ แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรหละว่า โทรศัพท์รุ่นนั้นจะดีอย่างที่คุณชื่นชอบ วันนี้เราเลยพาทุกคนไปดูวิธีเลือกซื้อมือถือกันค่ะ เลือกยังไงจะไม่เสียใจ เลือกยังไงให้คุ้มกับเงินที่เสียไป

1.เลือกที่ระบบ

จงเลือกเครื่องในระบบที่คุณพอใจ อยากเล่นระบบเดิมหรืออยากลองระบบใหม่ อันนี้ต้องให้ชัดเจนก่อนจะก้าวไปในข้อต่อไป บางคนคุ้นกับ iso พอเปลี่ยนมาใช้ android อาจจะคิดว่ามันแปลกๆ แต่คนรอบๆ ตัวคุณจะมีประโยชน์อย่างมากในการปรึกษาเรื่องการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน ถ้าคุณใช้เครื่องที่เขาสามารถทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ได้แล้วละก็ การออกตัวโค้งแรกของการใช้งานมือถือรับรองว่าไปได้สวยกว่าที่คิดแน่

2.เลือกที่งบประมาณ

ด้วยเครื่องสมัยนี้ มักจะมีหน้าตาคล้ายๆ กันตามซีรีย์ของตัวมันเองซ้ำๆ แต่จะมีหลากหลายขนาดหลากหลายรุ่นหลากหลายราคาให้เลือกแทน ตั้งแต่รุ่นถูกยันรุ่นแพง แต่มันอาจจะมีรุ่นแบบ “ถูกควรทิ้ง” คือใช้ไปหงุดหงิดไป บางครั้งถูกกว่าเครื่องอื่นไม่เท่าไหร่ แต่ลดต้นทุนซะแทบใช้งานกันไม่ได้เลยทีเดียว เพิ่มงบขึ้นสักหน่อยได้ของดีกว่าเป็นเท่าตัว

ฉะนั้นก่อนจะเลือกพิจารณาตัวไหน ตั้งงบประมาณไว้ในใจ แล้วเพื่อไว้สำหรับเครื่องในราคาสูงกว่าที่ใกล้เคียง อาจจะทำให้เรามีตัวเลือกที่มากขึ้นอย่างมาก รวมถึงสามารถเลือกข้ามไปยังซีรีย์อื่นของแบรนด์อื่นที่คุณมั่นใจได้มากกกว่าในราคามือถือที่ไม่ต่างกันมาก

3. เลือกที่โปรโมชั่น ร้านค้า และสิทธิพิเศษ

โปรโมชั่นและของแถมต่างๆ มันคือมูลค่าที่หมายถึงความคุ้มค่าที่มากขึ้น มันอาจจะทำให้คุณได้เครื่องสมาร์ทโฟนในราคาที่ถูกเหลือเชื่อ หรือได้สิทธิพิเศษที่คุ้มกับค่าเครื่องที่เสียไปได้ ของพวกนี้เราจะพบกันที่งาน mobile ต่างๆ ลองไปดูกันนะคะ

4.แค่ “ชอบ” สำหรับบางคนก็เกินพอ

ทุกวันนี้โทรศัพท์มันมากกว่าแค่เครื่องสื่อสารและการใช้งาน เพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นไปอย่างเต็มตัว หลายๆ คนซื้อมือถือด้วยเหตุผลที่มาจากจุดๆ นี้ เป็นสำคัญ และมันไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าคุณต้องการซื้อมือถือใหม่เพื่อนำมาใช้โดยที่แอบพึงพอใจมันก่อนหน้านี้อยู่แล้ว มันคือความจริงที่ว่า “แค่ “ชอบ” สำหรับบางคนก็เกินพอ” ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเอาเครื่องใด แค่ถูกใจในความสวยหรือพึงพอใจในความเป็นมัน ก็พอแล้ว

     นี้เป็นเพียงเหตุผลหลักๆที่คุณน่าจะเอาไปใช้ในการตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อย อย่าลืมนะคะว่า มือถือ ทุกเครื่องจะมีมูลค่าก็ต่อเมื่อคุณใช้มันอย่างคุ้มค่าจริงๆ

เตรียมตัวให้พร้อมกับ Samsung Pay ที่ชำระค่าบริการต่างๆ ผ่านมือถือจะไม่ยากอีกต่อไป

     เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับนวัตกรรมการชำระเงินผ่านมือถือสมาร์ทโฟนรูปแบบใหม่ ที่จะช่วยให้คุณเพิ่มบัตรเครดิตที่มีอยู่ของคุณลงไปในสมาร์ทโฟน และสามารถนำไปใช้ชำระค่าบริการ ผ่านร้านค้า ร้านอาหาร และบริการ ต่างๆ ที่คุณคุ้นเคยได้อย่างสะดวกและง่ายดาย เพียงเสี้ยววินาที

คุณพร้อมแล้วหรือยัง? ที่จะเป็นคนแรกที่ได้ใช้งานจริงขอเชิญคุณมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทดสอบการใช้งาน Samsung Pay แบบ Exclusive ในประเทศไทย เพื่อสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่สะดวก รวดเร็ว ง่ายดาย และปลอดภัยสูงสุด ได้แล้ววันนี้ เพียงลงทะเบียนเข้าร่วมทดสอบ Samsung Pay ทาง www.samsung.com/th/samsungpay/register

รองรับการใช้งานครอบคลุมทุกพื้นที่*Samsung Pay คือนวัตกรรมการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งานทั่วประเทศไทย* ไม่ว่าจะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านกาแฟ หรือแม้แต่ในห้างสรรพสินค้า

สิ่งที่คุณต้องทำผ่าน Samsung Pay ก็แค่เพียงเลือกบัตร ยืนยันการชำระเงิน และแตะเพื่อชำระเงิน

ปลอดภัยไร้กังวลด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยถึง 3 ระดับ ที่ติดตั้งมาพร้อมรองรับการใช้งานบนสมาร์ทโฟนของคุณ ไม่ว่าจะเป็นระบบ tokenization ที่ได้การรับรองมาตรฐานการใช้งานผ่าน Visa & MasterCard, การตรวจสอบและยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลลายนิ้วมือ และ Samsung KNOX จึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลในการชำระเงินทุกครั้งที่ผ่าน Samsung Pay มีความปลอดภัยในระดับสูงสุด

ใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงไม่กี่ขั้นตอนในการชำระเงินผ่าน

Samsung Pay เริ่มต้นจากสไลด์นิ้วมือขึ้นที่บนปุ่ม Home Screen คุณก็พร้อมที่จะใช้งาน Samsung Pay ได้ในทันที จากนั้นเพียงเลือกบัตรเครดิตที่ต้องการใช้งาน ยืนยันการชำระเงินด้วยข้อมูลลายนิ้วมือ และแตะมือถือสมาร์ทโฟนของคุณ บนเครื่องรับชำระเงินที่ร้านค้า

            นี้เป็นเพียงข้อมูลส่วนนึงเท่านั้นนะคะ สำหรับใครที่สนใจลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมดูนะคะ http://www.samsung.com/th/samsungpay/